เมนู

556. อรรถกถาอุตตรเถราปทาน



พึงทราบเรื่องราวในอปทานที่ 6 ดังต่อไปนี้ :-
อปทานของท่านอุตตรสามเณร มีคำเริ่มต้นว่า สุเมโธ นาม สมฺพุทฺ-
โธ
ดังนี้.
แม้พระเถระรูปนี้ ก็ได้เคยบำเพ็ญกุศลมาแล้วในพระพุทธเจ้าพระองค์
ก่อน ๆ ได้สั่งสมบุญอันเป็นอุปนิสัยแห่งพระนิพพานไว้เป็นอันมากในภพนั้น ๆ
ในกาลแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่า สุเมธะ ท่านเป็นวิทยาธรเที่ยวไป
ทางอากาศ. ก็โดยสมัยนั้น พระศาสดาประทับนั่งเปล่งพระพุทธรัศมีมีพรรณะ
6 ประการ ณ โคนต้นไม้แห่งหนึ่งระหว่างป่า เพื่อทรงอนุเคราะห์สรรพสัตว์
ในที่นั้นนั่นแล. วิทยาธรนั้น ไปทางอากาศ มองเห็นพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว
มีใจเลื่อมใส ลงจากอากาศนำเอาดอกกรรณิการ์อันบริสุทธิ์สะอาดงามตา น้อม
บูชาพระผู้มีพระภาคเจ้า ด้วยอานุภาพแห่งพระพุทธเจ้า ดอกไม้ทั้งหลายได้
ตั้งอยู่โดยอาการดังฉัตรอยู่เบื้องบนพระศาสดา. วิทยาธรนั้น มีจิตเลื่อมใส
โดยประมาณยิ่ง ในกาลต่อมา กระทำกาละแล้ว บังเกิดในดาวดึงส์ เสวย
ทิพยสมบัติ ดำรงอยู่ในดาวดึงส์นั้นจนตลอดอายุ จุติจากภพนั้นแล้ว ท่อง
เที่ยวไปโนเทวโลกและมนุษยโลก ในพุทธุปบาทกาลนี้ได้บังเกิดเป็นบุตรของ
พราหมณ์มหาศาลในกรุงราศคฤห์. เขาได้มีชื่อว่า อุตตระ. เขาได้บรรลุนิติ-
ภาวะแล้ว ถึงความสำเร็จในวิชาของพราหมณ์แล้ว ด้วยชาติตระกูล ด้วยรูป
สมบัติ ด้วยความรู้ ด้วยวัย และด้วยศีลจารวัตร เขาจึงได้รับความยกย่อง
จากชาวโลก.

วัสสการพราหมณ์ ตำแหน่งมหาอำมาตย์ประจำแคว้นมคธ ได้มอง
เห็นสมบัติอันนั้นของอุตตระนั้นแล้ว จึงมีความประสงค์ที่จะยกธิดาของตน
มอบให้แก่เขา ได้ประกาศความประสงค์ของตนให้ทราบแล้ว. อุตตระนั้น
ปฏิเสธเรื่องผู้หญิง เพราะว่าเขาเป็นผู้มีอัธยาศัยเพื่อจะออกจากทุกข์ เข้าไปหา
พระธรรมเสนาบดีเป็นประจำตามการอันสมควร ได้ฟังธรรมในสำนักของ
ท่านแล้ว ได้มีศรัทธาบรรพชาแล้ว เป็นผู้สมบูรณ์ด้วยวัตรปฏิบัติ บำรุง
พระเถระเป็นประจำ.
ก็โดยสมัยนั้น อาพาธอย่างหนึ่งเกิดขึ้นแก่พระเถระ อุตตรสามเณร
ประสงค์จะปรุงเภสัชถวายพระเถระ. รุ่งขึ้นเช้า จึงถือบาตรและจีวรออกจาก
วิหาร ในระหว่างหนทางได้วางบาตรไว้ใกล้สระน้ำแล้ว เข้าไปใกล้น้ำ ล้าง
หน้าอยู่. ครั้งนั้น โจรขุดอุโมงค์คนหนึ่ง ไปทำการลักขโมยมาแล้ว ถูก
พวกจำรวจติดตามไล่จับ ออกจากเมืองโดยถนนใหญ่ เมื่อจะหนีไป
ได้ใส่ห่อรัตนะที่ตนถือมาลงในบาตรของสามเณรแล้ว จึงหนีไป. แม้
สามเณร เข้าไปใกล้บาตรแล้ว. พวกตำรวจติดตามโจรไป มองเห็นห่อ
ของในบาตรของสามเณรเข้าใจผิดว่า ผู้นี้ เป็นโจร, ผู้นี้ได้กระทำโจรกรรม
แล้ว. ดังนี้แล้ว จึงผูกแขนสามเณรไพล่หลัง นำไปแสดงแก่ท่านวัสสการ-
พราหมณ์. ก็ในครั้งนั้น ท่านวัสสการพราหมณ์เป็นผู้ดำรงตำแหน่งผู้พิพากษา
ประจำพระราชสำนัก ย่อมตัดสินการตัดและการทำลายได้. ท่านวสัสการ-
พราหมณ์กล่าวว่า ครั้งก่อน ท่านไม่เชื่อถ้อยคำเรา. ไปบวชในหมู่ผู้ประพฤติ
นอกรีตนอกรอยจากทางที่บริสุทธิ์ ดังนี้ ไม่ยอมชำระคดีให้ขาวสะอาด ใคร่

จะตัดสินฆ่าอย่างเดียว โดยวิธีเอาหลาวเสียบเขาทั้ง ๆ ที่ยังมีชีวิตอยู่
นั่นแหละ.
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ทรงแลเห็นว่าญาณของเขาแก่กล้า
แล้ว จึงเสด็จไปยังสถานที่นั้น ทรงวางพระหัตถ์มีพระองคุลียาวเรียวอ่อนนุ่ม
ดุจปุยนุ่นเหมือนตัดด้วยเปลวไฟ คล้ายท่อธารทองคำสีแดงชาติหลั่งไหลออก
เพราะมีพระหัตถ์และพระนขาอันงดงามดุจสำเร็จด้วยแก้วมณีทำให้สั่นสะเทือน
ลงบนศีรษะของอุตตรสามเณรตรัสว่า อุตตระ นี้เป็นผลกรรมในครั้งก่อน
เกิดขึ้นแล้วแก่เธอ เธอพึงอดกลั้นด้วยกำลังแห่งปัจจเวกขณญาณแล้ว จึง
ทรงแสดงธรรมอันเหมาะแก่อัธยาศัย. อุตตรสามเณร ได้รับปีติปราโมทย์
อันโอฬาร เพราะเกิดความเลื่อมใสโสมนัสใจ ด้วยการสัมผัสพระหัตถ์
ของพระคาสดา เช่นกับได้รับการรดด้วยน้ำอมฤต เริ่มยกจิตขึ้นสู่หนทาง
วิปัสสนาตามที่ตนได้สั่งสมมา เพราะญาณถึงความแก่กล้า และเพราะ
ความไพเราะแห่งเทศนาของพระศาสดา จึงทำกิเลสทั้งปวงให้สิ้นไปได้ตาม
ลำดับแห่งมรรค ในขณะนั้นนั่นเอง เป็นผู้ได้อภิญญา 6. ก็ครั้นท่านเป็นผู้
ได้อภิญญา 6 แล้วได้ถอนตนขึ้นจากหลาว ยืนอยู่ในอากาศ เพื่ออนุเคราะห์
ผู้อื่น จึงแสดงปาฏิหาริย์แล้ว. มหาชนได้เกิดความอัศจรรย์ใจ. ในขณะนั้น
นั้นเอง แผลของท่านก็หายสนิทดี. สามเณรนั้น ถูกพวกภิกษุถามว่า อาวุโส
ได้รับทุกข์ถึงอย่างนั้น เธอยังสามารถเพื่อเจริญวิปัสสนาได้อย่างไร ดังนี้
จึงกล่าวว่า อาวุโส จะกล่าวไปทำไมถึงโทษในสงสารของผมเล่า, ก็สภาวะ
แห่งสังขารทั้งหลาย ผมเห็นได้ชัดเจนแล้ว ผมแม้จะเสวยทุกข์ถึงเช่นนั้น
ก็ยังสามารถเพื่อบรรลุวิปัสสนาได้ และกล่าวอีกว่า ในชาติก่อนเวลาเป็น

เด็กหนุ่ม ผมถือหลาวไม้สะเดาไล่แทงแมลงวัน เพราะอาศัยการเล่นจับสัตว์
เสียบหลาว จึงได้เสวยความทุกข์ถูกเสียบหลาว ตั้งหลายร้อยชาติอย่างนี้ ใน
ชาติสุดท้ายนี้ก็ยังได้รับทุกข์ถึงอย่างนี้แล.
ครั้นในกาลต่อมา ท่านระลึกถึงบุรพกรรมได้ เกิดความโสมนัสใจ
เมื่อจะประกาศถึงเรื่องราวที่ตนเคยได้ประพฤติมาแล้วในกาลก่อน จึงกล่าวคำ
เริ่มต้นว่า สุเมโธ นาม สมฺพุทฺโธ ดังนี้. ในคำนั้นข้าพเจ้าจักทำการอธิบาย
เฉพาะบทที่ยากเท่านั้น.
วิชฺชาโร จทา อาสึ ความว่า เราได้เป็นผู้สามารถไปในอากาศได้
ด้วยวิชาที่สำเร็จมามีมนต์ภายนอกศาสนาเป็นต้น รักษาวิชานั้นไม่ให้เสื่อมไป
ด้วยการประพฤติเสมอ ด้วยอำนาจการบริหารรักษาไว้ จึงได้กำเนิดเกิดเป็น
วิทยาธร. บทว่า อนฺตลิกฺขจโร อหํ ความว่า ชื่อว่า อันตลิกขะ เพราะ
กระทำการกำหนดเบื้องต้นและที่สุดได้, อีกความหมายหนึ่งชื่อว่า อันตลิกขะ
เพราะเป็นเหตุให้กำหนดแลดูเบื้องต้นและที่สุดได้. อธิบายว่า ในอากาศนั้น
ข้าพเจ้าเที่ยวไปในอากาศเป็นประจำ. บทว่า ติสูลํ สุกนตํ คยฺห ความว่า
หลาวอันคมกริบ คือ อาวุธชั้นยอด ได้แก่ หลาวที่ทำเป็นอย่างดี, อธิบาย
ว่า ข้าพเจ้าถือเอาอาวุธคือหลาวที่ทำอย่างดี สามารถที่จะทิ่มแทง ย่ำยี และ
ประหารสัตว์ได้ แล้วไปทางท้องฟ้า. คำที่เหลือทั้งหมดมีเนื้อความพอที่จะ
กำหนดรู้ได้โดยง่าย ด้วยวิธีประกอบตามเนื้อความ เพราะมีความหมายดังที่
ได้กล่าวไว้แล้วในหนหลังนั่นแล.
จบอรรถกถาอุตตรเถราปทาน

อปรอุตตรเถราปทาน 7 (557)



ว่าด้วยบุพจริยาของพระอปรอุตตรเถระ


[147 ] เมื่อพระพุทธเจ้า พระนามว่า
สิทธัตถะ ผู้เป็นนาถะของโลก ผู้นำโลก นิพพาน
แล้ว ข้าพเจ้าประชุมกันระหว่างพวกญาติของ
ข้าพเจ้าแล้ว ได้ทำการบูชาพระธาตุ.
ในกัปที่ 94 ข้าพเจ้า ได้บูชาพระธาตุ
ใดไว้ เพราะกรรมนั้น ข้าพเจ้าไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระธาตุ.
ข้าพเจ้า เผากิเลสทั้งหลายสิ้นแล้ว ฯลฯ
ข้าพเจ้าเป็นผู้ไม่มีอาสวะอยู่.
ข้าพเจ้า ได้มาดีแล้วแล ฯลฯ คำสอน
ของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าได้กระทำเสร็จแล้ว.
ปฏิปทา 4 ฯลฯ คำสอนของพระพุทธเจ้า
ข้าพเจ้าได้กระทำเสร็จแล้ว.

ทราบว่า ท่านพระอุตตรเถระ ได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วยประการ
ฉะนี้แล.
จบอปรอุตตรเถราปทาน